ห้องสุดท้าย

ตอนที่ 1

‘มาต่อกันที่ข่าวอัปเดตล่าสุดนะครับ เกี่ยวกับคดีนักศึกษาสาวม.ดัง ดิ่งคอนโดดับด้วยเหตุทะเลาะกับแฟนหนุ่ม ล่าสุดพ่อแม่ทางฝ่ายหญิงก็แจ้งว่าไม่ติดใจเรื่องการฆ่าตัวตายของลูกสาว เนื่องจากว่าทางบ้านเองเนี่ยก็ทราบเรื่องที่ลูกสาวตนมักจะมีปัญหาทะเลาะกับแฟนหนุ่มมาสักระยะแล้ว จึงไม่ติดใจกับสาเหตุ และจะดำเนินพิธีทำศพต่อไปนะครับ แต่ว่าเรื่องที่น่าสนใจก็คือ มีเสียงเลื่องลือมาจากทางผู้เช่าคอนโดนะว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์เนี่ย ภายในคอนโดก็มักจะมีเหตุการณ์แปลกประ—’

เสียงผู้ประกาศข่าวหนุ่มหยุดลงเมื่อวิดีโอการรายงานข่าวถูกกดปิดลงกลางคัน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ก่อนจะขยำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ลงพาดหัวข่าวเรื่องคอนโดเฮี้ยนลงถังขยะและปิดพับฝาโน้ตบุ๊กยัดลงใส่กระเป๋า

เชษฐา เดินไปหยิบกระเป๋าเงินพร้อมกุญแจรถก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงฝีเท้าดังเบาๆ ไปตามทางเดินเงียบเชียบและหยุดลงเมื่อร่างสูงใหญ่มายืนอยู่หน้าลิฟต์

ชายหนุ่มใช้ศอกแตะเรียกกล่องเหล็กให้ลงมารับที่ชั้น และทันทีที่บานประตูเปิดออกเขาก็เดินเข้าไปกดเลขลานจอดรถชั้นใต้ดิน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงโทรศัพท์ดังเตือนสายเรียกเข้าพอดี

“ฮาโหลครับ”

[น้องที่จะมาดูหอพักใช่ไหมคะ พี่มาถึงแล้วนะคะ]

“ผมกำลังไปครับพี่อีกประมาณ 20 นาที”

[งั้นน้องมาแล้วน้องมาเคาะเรียกพี่ตรงห้องนิติข้างล่างได้เลยนะคะ]

“ครับ ขอบคุณครับ”

ทันทีที่บทสนทนาสั้นๆ จบลงลิฟต์ก็หยุดชะงักพร้อมกับเสียงดังติ๊ง สายตาคมเหลือบมองตัวเลขเหนือแผงระบุชั้นก่อนประตูจะเปิดออกอีกครั้ง เชษฐาเขยิบถอยหลังเตรียมรับผู้โดยสารระหว่างทาง แต่ทว่าไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ก้าวเท้าเดินเข้ามา เมื่อพวกเขาหันมาเห็นว่าใครอยู่ในลิฟต์ทั้งสองก็ชะงักไป

“ไปไหมครับ…”

“เอ่อ… พี่ไปก่อนเลยครับ”

เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนในลิฟต์พลางใช้มือกระตุกชายเสื้อเพื่อนข้างๆ สองสายตาสบมองอย่างรู้กันก่อนบานประตูลิฟต์จะปิดลงอีกครั้ง

เชษฐาได้แต่นึกหงุดหงิดใจกับท่าทีประหลาดของคนในคอนโดแต่เขาก็ไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจ นัยน์ตาคมหลุบลงมองจอมือถืออีกครั้งขณะที่นิ้วมือก็พิมพ์ข้อความส่งหาเพื่อนที่คณะ

Chettha : กูไปดูหอก่อน

Chettha : เข้าบ่าย

KI.NG : เออ เจอกัน

Chettha : ไม่ทันกูฝากเช็กชื่อ

KI.NG : เค

ในระหว่างที่สายตากำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอมือถือ ภาพคล้ายเงาสะท้อนของบางสิ่งในประตูลิฟต์ที่ปรากฏขึ้นบริเวณขอบสายตาก็ทำให้ชายหนุ่มต้องชะงักมือที่กำลังพิมพ์ข้อความ เชษฐาเหลือบตาขึ้นมองเงาที่ดูคล้ายเรียวขาก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าหันไปมองด้านหลัง ทว่าก็ไม่พบใครหรือสิ่งใดยืนอยู่

เขามองจ้องความว่างเปล่าอยู่อย่างนั้นนานสองนาน กระทั่งได้ยินเสียงประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่ตนกดลงมาจึงเดินออกไปโดยที่ไม่คิดหันกลับไปมอง

มือหนาล้วงกุญแจในกระเป๋ามาปลดล็อกรถ ยัดตัวเองเข้าไปยังเบาะคนขับ สายตามองกระจกหลังเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดอยู่หลังรถก่อนจะเสียบกุญแจ ติดเครื่องถอยออกจากช่องจอดเตรียมมุ่งหน้าสู่สถานที่นัดหมายปลายทางทันที…

แกร๊ก…

“ห้องนี้แหละน้องเหลือว่างห้องสุดท้ายพอดี ถ้าเราจ่ายมัดจำก็เอากุญแจแล้วขนของเข้ามาได้เลย”

“หอนี้สร้างกี่ปีแล้วอะครับพี่”

“เพิ่งจะ 6 – 7 ปีเอง ยังไม่ถึงสิบเลยน้อง ตอนพี่เข้ามาทำยังใหม่ๆ อยู่เลย ปกติห้องนี้เจ้าของหอเค้าไม่ได้เปิดให้เช่าเพราะจะเก็บไว้ให้ญาติอยู่ เพิ่งจะมาเปิดปีนี้เอง พี่ว่าห้องนี้ดีนะ มีคนมาดูแล้วจะเอาหลายคนแล้วแหละ”

บริเวณโถงทางเดินชั้นหกบนอะพาร์ตเมนต์สีชมพู เสียงพูดคุยดังเบาๆ ปนกับเสียงไขกุญแจก่อนบานประตูห้องพักจะถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ดูแลและเด็กหนุ่มร่างสูงที่ย่างเท้าเดินเข้าไป

เจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบๆ ห้องพักใหม่ที่ตนตั้งใจจะย้ายเข้ามาอยู่อย่างพิจารณา ตั้งแต่กำแพงสีขาวตุ่นไปจนถึงไฟบนเพดานห้อง แม้ว่าด้านในจะมีกลิ่นอับฝุ่นเล็กน้อยตามกาลเวลาที่ถูกปิดล็อก แต่ตู้เตียงและเฟอร์นิเจอร์มีราคาที่วางอยู่ก็ทำให้ห้องพักใหม่นี้ดูไม่แย่เลย

ขนาดของมันกว้างเกินกว่าจะเป็นหอพักราคานักศึกษาแม้จะไม่ได้หรูหรานัก ชายหนุ่มเดินตรงไปหลังห้องเพื่อสำรวจระเบียงและห้องน้ำ จ้องมองวิวซึ่งเป็นสวนเล็กๆ ติดกำแพงกั้นระหว่างพื้นที่รกร้างพลางคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมา

“ถ้าผมเอาย้ายเข้ามาได้ไวสุดวันไหนครับ”

“ก็โอนมัดจำแล้วย้ายได้เลย เมื่อวานพี่ก็เข้ามาทำความสะอาดให้แล้วแหละ เห็นว่าน้องจะมาดู พี่อยากให้น้องเอานะ เพราะคนก่อนหน้าเขาว่าจะมามัดจำอยู่ ห้องเนี้ยใหญ่สุดแล้ว เพราะมันเป็นห้องสุดท้าย ไม่รู้ตอนสร้างเค้าวัดกันยังไง แต่ห้องอื่นไม่ใหญ่เท่านี้หรอก”

“งั้นเอาห้องนี้แหละครับ พรุ่งนี้ผมขนของมาเลย” นักศึกษาหนุ่มหันไปกล่าวกับผู้ดูแลหอหญิง เชษฐาตัดสินใจได้ทันทีหลังจากที่ได้เห็นห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านและวิวระเบียงแสนสงบ

หลังจากที่เที่ยวตะเวนหาหอพักมาจนเหนื่อยนี่คงเป็นที่สุดท้ายที่เขาจะตัดสินใจได้สักที ดูจากสภาพกว้างขวาง ความสะอาดและบรรยากาศที่ดูดีเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นอะพาร์ตเมนต์ราคาถูกแล้ว เชษฐาคงไม่สามารถหาที่อื่นได้ในราคานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอพักที่ไม่ถามคำถามจุกจิก

“งั้นเดี๋ยวลงไปเซ็นสัญญาก็ขนของมาได้เลย จะให้พี่ติดต่อรถขนของให้ไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ของไม่เยอะ เดี๋ยวผมทยอยขนมาเอง”

ชายหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุณผู้ดูแล สายตาเขามองเตียงหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ริมห้องไม่วางตาจนกระทั่งบานประตูปิดสนิทลง

เสียงพูดคุยระหว่างผู้เช่าและผู้ดูแลดังเบาๆ ไปตลอดทางเดินลงบันไดมาจนถึงหน้าห้องธุรการ หญิงสาววัยกลางคนเดินไปค้นหาเอกสารบางอย่างในลิ้นชักไม่นานก็นำมันมายื่นให้กับผู้เช่ารายใหม่ตรงช่องกระจกเล็กๆ

“มัดจำสามเดือนนะอันนี้เบอร์พี่ นี่เบอร์เจ้าของหอ เซ็นตรงนี้เลย”

“ครับ ผมโอนนะครับ”

“ได้เลย ดีนะน้องเอาเลย พี่เห็นหลายคนจะเอาๆ ไม่มาสักที น้องเลยได้ไปเลย เราลองออกไปเดินดูรอบๆ ก่อนก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมรีบไปเรียนต่อ” ชายหนุ่มจับปากกามาเซ็นเอกสารอยู่เพียงครู่เดียวก็ส่งคืนให้ผู้ดูแลแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมโอนค่ามัดจำ

ชั่วขณะหนึ่งภาพใบหน้าประหลาดที่สะท้อนอยู่บนหน้าจอมือถือมืดสนิทก็ทำคนตัวสูงเกือบสะดุ้ง

เชษฐานิ่วหน้ากะพริบตามองจอมือถือที่สว่างจ้าอีกครั้งพลางคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป พอมองเห็นตัวเลขนาฬิกาซึ่งบอกเวลาบ่ายเขาก็นึกได้ว่าต้องรีบเข้ามหาลัยแล้ว จึงรีบเข้าแอปพลิเคชันโอนเงินเปิดหน้าจอแสกน QR แล้วใส่ตัวเลขเข้าไปทันที

“โอนนะน้อง นี่ค่ะ หมื่นสามห้าร้อย”

“เรียบร้อยครับ”

“พรุ่งนี้ถ้ามีอะไรให้ช่วยเรื่องขนของก็บอกพี่นะ”

“ขอบคุณครับ”

กุญแจห้องหมายเลข 604 ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ก่อนมันจะถูกหยิบไปทันที เจ้าของเสียงทุ้มกล่าวขอบคุณกับผู้ดูแลหอแล้วก็รีบเดินออกไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย

สุรีย์ได้แต่มองท่าทีรีบร้อนของเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เธอหยิบเอกสารมาดูรายชื่อผู้ทำสัญญาเช่าก่อนจะนำมันไปใส่แฟ้มแล้วเก็บเข้าลิ้นชักเหล็ก พร้อมกับนำป้ายออกมาเสียบนามบัตรที่ระบุเบอร์โทรและชื่อเจ้าของใหม่ไปแขวนบนผนัง เป็นการทำเครื่องหมายว่าห้องหมายเลข 604 ไม่ได้ว่างให้เช่าอีกต่อไป…

ในช่วงบ่ายเศษๆ หลังจากที่รีบขับรถย้อนกลับมาที่มหาลัย สุดท้ายเชษฐาก็มาทันเข้าคาบบ่ายอย่างหวุดหวิดและนั่งเรียนจนวิชาจบลง เมื่ออาจารย์หนุ่มบอกเลิกคาบเขาก็เก็บชีทลงกระเป๋าลุกจากเก้าอี้ เป็นจังหวะพอดีกับที่เสียงเอ่ยทักดังขึ้น

“เห้ย เรื่องไปดูหอเป็นไงมั่งวะ ได้ปะ”

เชษฐาหันมองเพื่อนร่วมคณะที่เดินมาเกาะไหล่เขาอย่างสนิทสนม ก่อนสี่เท้าจะขยับก้าวออกจากห้องเรียนไปพร้อมๆ กัน

“ก็ดี กูเพิ่งมัดจำไป ว่าจะขนของพรุ่งนี้”

“ให้กูไปช่วยเปล่า”

“ไม่ต้องหรอก ของกูไม่เยอะ กูไม่ได้เอาไรไป”

“มึงมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะเว้ย” เจษฎากล่าวด้วยความห่วงใยเมื่อได้เห็นสีหน้าอิดโรยของคนโตตัวกว่า ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากขอบใจ

ระหว่างทางเดินที่ทั้งสองเดินไป ทุกสายตาของเพื่อนร่วมคณะต่างหันมามองราวกับเห็นตัวประหลาด แม้แต่เพื่อนที่เคยสนิทกันก็ยังไม่เข้ามาทักทาย เชษฐาเห็นสายตาพวกนั้นแต่เขาก็ไม่ใส่ใจเพราะเริ่มชินซะแล้ว

ดูเหมือนจะมีแต่ ‘คิง’ เพื่อนร่วมคณะซึ่งเคยทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยๆ คอยเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยตั้งแต่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ทั้งที่ก่อนนี้ก็ไม่ค่อยได้สนิทกันเท่าไหร่

“เมื่อไหร่พวกนั้นมันจะเลิกมองมึงซักทีวะ”

“ช่างเหอะ กูชินแล้ว”

เชษฐาตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจขณะก้าวเท้าลงบันได ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนที่ถูกใครๆ จ้องมองและพูดถึงด้วยความสนใจอยู่แล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นและเรื่องเรียนที่ไม่แพ้ใคร เขามักจะถูกชื่นชมเพราะนิสัยที่ทั้งเรียนและเล่นอย่างหนักไปพร้อมๆ กัน

จนกระทั่งมีเรื่องราวแสนเศร้าเกิดขึ้นกับแฟนสาวคนก่อน ชื่อเชษฐาก็ไม่ได้ถูกพูดถึงในฐานะของหนุ่มหล่อหรือคนเก่งแห่งคณะวิศวะกรรมอีกต่อไป…

“แม่งบ้าปะวะ ผีเหี้ยไรพูดกันไปเรื่อย กูไม่เคยเห็นเจออะไรเลย”

“เพราะงั้นไงมึงถึงยังคุยกับกู มึงโชคดีแล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้เจษฎาถึงยังเป็นคนเดียวที่คุยกับเขาอยู่

“กูว่าคนเห็นจริงๆ มันก็คงมีแหละ แต่ที่เหลือแม่งก็พูดกันไป”

“หึ…”

“แล้วเย็นนี้มึงไปไหนต่อปะ ถ้าไม่ไปกูว่าจะชวนไปแดกเบียร์กัน”

“กูต้องกลับไปเก็บของว่ะ กูจะย้ายพรุ่งนี้แล้ว แต่ถ้าย้ายของเสร็จแล้วว่างกูบอก”

“เออๆ แล้วมึงจะกลับเลยอ่อ?”

“อือ กูไม่อยากกลับบ้านเย็น กูจะแวะซื้อของด้วย”

“เออ งั้นไว้เจอกันก็ได้ กูไปหาเพื่อนต่อ”

“เออ ไว้เจอกัน”

เมื่อลงมาถึงหน้าบันไดตึกเจษฎาก็ขอแยกตัวออกไปเมื่อรู้ว่าเพื่อนเขาต้องไปทำธุระต่อ ปล่อยให้เชษฐายืนถอนหายใจพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนสองเท้าจะขยับมุ่งหน้าสู่ลานจอดรถทันที…

19:08

เวลาหนึ่งทุ่มเศษเสียงเปิดและปิดประตูดังเบาๆ เมื่อเจ้าของห้องพักกลับมาถึง ความเงียบเหงาทำให้ชายหนุ่มต้องหยิบโน้ตบุ๊กในกระเป๋าออกมาเปิดเพลงทันทีเพื่อทำลายบรรยากาศที่มีแต่กลิ่นอายของความหม่นหมอง

หลังจากต้องวิ่งทำธุระทั้งวันร่างสูงใหญ่ก็เดินไปทิ้งกายนั่งลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า พลางกวาดสายตามองสภาพห้องที่เขาจะอยู่เป็นคืนสุดท้ายหลังเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้น

เรื่องที่มีทั้งดีและแย่ ถึงส่วนมากจะแย่ก็ตาม…

เชษฐาไม่สามารถทนอยู่ห้องนี้ต่อไปได้หลังจากแฟนสาวได้จากไปเมื่อเดือนก่อน เขาไม่อาจทนความรู้สึกที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพทับซ้อนราวกับว่าเธอยังอยู่ทุกที่ในความทรงจำ ทั้งกลิ่นน้ำหอม ของใช้บางอย่างที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม คราบเปื้อนรองพื้นบนผนังที่ถูกเขวี้ยงจนแตกในคืนที่ทะเลาะกัน

เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหนึ่งสัปดาห์ที่ตัวเองย้ายออกไปหลบอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทหลังจากตัดสินใจเลิกขาดกับอดีตคนรัก จนกระทั่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น วันที่ข่าวเรื่องการกระโดดตึกฆ่าตัวตายของนักศึกษาสาวคนดังขจรขจายออกไป

เชษฐาเองก็รู้เรื่องพร้อมกันกับทุกคน มันเป็นวันที่เขาตื่นมาจากความเมาและได้รับข้อความกับสายโทรเข้าเป็นสิบเป็นร้อยจนกระทั่งมีเพื่อนมาเคาะประตูปลุกถึงห้อง มีทั้งการสอบสวนเกิดขึ้น คำพูดนินทา หรือแม้แต่การใส่ความว่าร้ายประเดประดังเข้ามาไม่หยุด

จากชายหนุ่มที่เคยเป็นที่สนใจตอนนี้ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มักจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ บ้างก็มีคนพูดว่ามองเห็นวิญญาณตามติด บ้างก็หาว่าเขาเห็นต้นเหตุให้เธอต้องตาย

ถึงจะมีหลายคนที่พอเข้าใจแต่สุดท้ายพวกเขาก็ตีตัวออกห่างไปเพราะเรื่องที่หาคำอธิบายไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมคอนโด เชษคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดีแต่ก็หนีไม่พ้นต้องอยู่กับคำพูดต่างๆ ไปทุกวัน

ทว่าถึงยังไงก็เถอะ นี่จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็ได้หนีไปให้พ้นภาพความทรงจำที่ยังวนเวียนอยู่ในใจ…

ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดนักศึกษาและเสื้อผ้าไม่กี่ตัวออกมาโยนเตรียมยัดใส่กระเป๋า นอกจากหนังสือเรียนกับสิ่งจำเป็นแล้วก็ไม่มีอะไรในห้องนี้ที่เชษอยากเอาติดตัวไปด้วย ไม่ว่าจะน้ำหอม ผ้าปูที่นอน หรือของใช้เหลือๆ

เขายกกล่องลังหน้าตู้เสื้อผ้าไปวางรวมกับของที่เก็บตั้งแต่วันที่แล้ว ก่อนจะเริ่มแกะไม้แขวนออกจากเสื้อผ้า ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของขณะที่เสียงเพลงยังคงเล่นสุ่มไปโดยอัตโนมัติ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เขามัวแต่สนใจหาคู่ถุงเท้า รู้ตัวอีกทีเพลงก็หยุดลงแล้ว ก่อนที่เสียงคุ้นหูของพิธีกรรายการผีชื่อดังจะดังขึ้น

‘สวัสดีครับคุณผู้ฟัง ตอนนี้เราอยู่กับคุณแอ๋มนะครับ วันนี้คุณแอ๋มจะมาเล่าเรื่องคอนโดหลอนแห่งหนึ่งซึ่งไม่ขอระบุย่าน เรื่องนี้เนี่ยเป็นเรื่องที่รายการได้รับสายเข้ามาบ่อยมากช่วงนี้ มากจริงๆ จนผมเนี่ยคัดเอามาไม่ถูกเลย ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อประมาณเดือนที่แล้วเองนะฮะท่านผู้ชม ในคอนโดแห่งหนึ่งแล้วก็เป็นข่าวดัง แต่เราจะไม่เอ่ยชื่อคอนโด…’

เชษฐาหันไปมองเสียงที่ดังออกจากลำโพงโน้ตบุ๊กก่อนจะลุกขึ้นไปกดหยุดวิดีโอ คิ้วคมขมวดมุ่นน้อยๆ ขณะเลื่อนปลายลูกศรกดย้อนไปยังเพลงก่อนหน้า นึกแปลกใจว่าทำไมยูทูบถึงเอารายการที่เขาชอบฟังมาปนกับลิสต์เพลงสากล

ชายหนุ่มถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เหลือบสายตาไปมองที่ว่างข้างตัวด้วยความรู้สึกไม่สบายใจก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ชื่อรายการ Podcast ยาวๆ ขึ้นมาเปิดฟังแทนการเพลง

 เขาสะบัดไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวแล้วกลับไปเก็บกระเป๋าอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันได้นั่งก้นติดพื้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คนตัวสูงสะดุ้งน้อยๆ ก่อนมือหนาจะล้วงเข้าไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูสายเรียกเข้า เขาเกือบนึกด่าในใจว่าใครกันโทรมาตอนนี้จนกระทั่งได้เห็นว่าชื่อบนจอ

“ฮัลโหลครับ”

[เป็นไงบ้างลูก ถึงห้องหรือยัง]

“ถึงแล้วครับ เพิ่งถึงเมื่อกี้”

[กินข้าวหรือยัง]

“กินมาจากข้างนอกแล้วครับ” โทรศัพท์เครื่องบางถูกกดเปิดสปีกเกอร์วางไว้ข้างตัว ขณะที่คนตัวโตก็หันกลับไปสนใจเก็บเสื้อผ้าอีกครั้ง

[แล้วเรื่องไปดูหอมาเป็นไงบ้าง]

“ได้แล้วครับ โอนมัดจำแล้วพรุ่งนี้จะขนของเลย”

[หื้อ? ทำไมตัดสินใจไวจัง แม่ยังไม่ได้ไปดูด้วยเลย]

“ผมว่าอันนี้ดีสุด ขี้เกียจหาแล้วด้วย ไปดูหลายที่แล้ว เหนื่อย]

[อยู่แถวไหนอะ ไกลจากที่เดิมหรือเปล่า]

“ก็เลยมาประมาณห้านาที ไม่ไกลเท่าไหร่ หอใหม่ด้วย”

[อือ… ถ้าเชษชอบก็ดี เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ไปช่วยขนของ แล้ววันนี้จะกลับมานอนบ้านไหม เก็บของเสร็จแล้วมานอนนี่ก็ได้นะ]

“ไม่เป็นไรครับ มันมืดแล้วอะไม่อยากขับรถไปๆ กลับๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ย้ายแล้ว ไม่อยากขับรถหลายรอบ”

พอสิ้นคำกล่าวเสียงถอนหายใจของผู้เป็นแม่ก็ดังรอดลำโพงออกมาทันที เชษฐารู้เลยว่าแม่กำลังคิดอะไรกับความดื้อรั้นของเขาแต่ถึงยังไงมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี

[เฮ้อ… เรานะ เจอขนาดนี้ก็ยัง… งั้นก็รีบนอนนะลูก พรุ่งนี้จะได้รีบขนของ แม่จะได้ไปดูด้วย]

“ครับ แม่แค่นี้แหละ ผมเก็บของก่อน”

[โอเค งั้นแค่นี้นะลูก]

“ครับ แม่กดวางเลย เชษเก็บของก่อน”

[โอเคครับ ฝันดีนะลูก]

เมื่อสิ้นสุดบทสนทนาสั้นๆ สายก็ถูกตัดลง พอดีกับจังหวะที่ของทั้งหมดถูกยัดเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยเหลือเพียงชุดที่ไว้ใส่ในคืนนี้

พอจัดการทุกอย่างเสร็จชายหนุ่มก็คว้าเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูตรงไปยังห้องน้ำเพื่อเตรียมชำระร่างกายทันที เชษฐาเปลือยกายทิ้งเสื้อผ้าไว้บนพื้นโซนแห้งแล้วก้าวเท้าไปเปิดฝักบัวอาบรดร่างโดยเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้

เสียงหยดน้ำกระทบพื้นดังเจาะแจะๆ อยู่นานสองนานก่อนยาสระผมจะถูกบีบราดลงบนหัว ชั่วขณะหนึ่งที่คนตัวสูงก้มหน้าหลับตาเกาศีรษะ สัมผัสที่เหมือนกับมีมือกำลังลากไปทั่วแผ่นหลังก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วความรู้สึกประหลาดนั้นก็พลันหายไป

เสียงฝักบัวที่ห้อยหัวฉีดน้ำใส่ผนังดังซู่ๆ อยู่ในความเงียบ บางทีมันอาจเป็นฟองจากยาสระผมที่ไหลลงไปตามแผ่นหลัง เชษฐาพยายามไม่คิดใส่ใจแล้วรีบอาบน้ำต่อโดยหวังให้เสร็จไวๆ และไม่ว่าคืนนี้จะมีเรื่องแปลกๆ อะไรนี่จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่นี่…

To be continued…

สามารถติดตามอ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ในแอป