“วันนี้เรามีนัดสัมภาษณ์พนักงานใหม่แผนกปรู๊ฟ 2 คนนะ อย่าลืมเผื่อเวลาที่จะต้องใช้สัมภาษณ์ด้วยล่ะ”
บรรณาธิการสำนักพิมพ์อลังการบอกกับต้นหัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษรหรือแผนกปรู๊ฟไว้ดังนั้น ต้นพยักหน้าพร้อมกับขานรับคำของหัวหน้ากองบรรณาธิการไปด้วย ใบหน้าของต้นดูดี ดวงตากลมโต จมูกโด่ง ไร้สิวฝ้า ริมฝีปากได้รูปสีชมพู ผิวขาว ทรงผมสั้นรับกับวัยทำงาน ความสูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งสมกับที่เคยเล่นกรีฑาตอนม.ต้นมาจนถึงมหาวิทยาลัย
ต้นมองนาฬิกาตอนนี้ยังเป็นเวลา 10 โมงเช้าอยู่ ดูเหมือนว่าพนักงานที่สมัครมาใหม่ทั้งสองคนจะอยู่คนละรอบกัน คนหนึ่งมารอบเช้า อีกคนมารอบบ่าย ต้นพยายามรีบเคลียร์งานในช่วงเช้าให้หมดก่อนจะเรียกโน้ตพนักงานแผนกพิสูจน์อักษรอีกคนให้ช่วยมาสัมภาษณ์พนักงานใหม่อีกคน
“ถ้าเป็นคนสวยก็ดีสิฮะ แผนกเราจะได้สดใสมีชีวิตชีวาหน่อย” โน้ตหัวเราะ ต้นยิ้มหึๆพลางบอกโน้ตว่า วันนี้พนักงานที่มาสมัครรอบเช้าเป็นผู้หญิงส่วนรอบบ่ายเป็นผู้ชาย
“เดี๋ยวโน้ตก็อดเป็นคนที่สวยที่สุดในบริษัทหรอก” ต้นแหย่โน้ตเล่น
“ผมเป็นผู้ชายฮะ จะสวยไปเพื่ออะไรเล่า” โน้ตอุทธรณ์ ด้วยความที่โน้ตเป็นผู้ชายร่างบางตัวเล็กใบหน้าหมดจดจนดูผิวเผินทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้จึงทำให้เพื่อนฝูงสนุกกับการแหย่โน้ตเล่นว่าเป็นทอมกันอยู่บ่อยๆ โน้ตเคยแก้ปัญหาด้วยการไว้หนวดเคราบ้าง แต่ทว่ายังทำให้มองดูแล้วกลายเป็นผู้หญิงมีหนวดไปซะอีก โน้ตจึงปล่อยเลยตามเลยทำตัวตามปกติได้แต่รับส่งมุกกับเพื่อนฝูงตามสบาย
“เดี๋ยว 11 โมง HR น่าจะบอกว่าคนมาสัมภาษณ์มาถึงแล้ว โน้ตดูใบสมัครกับเรซูเม่ไปพลางๆ ละกัน”
“โอเคครับ” โน้ตรับเอกสารจากต้นไปอ่าน “คนนี้จบมาตรงสายเลยนี่ อักษรศาสตร์ด้วยภาษีดีนะเนี่ย”
“เดี๋ยวให้ทำเทสต์ก็รู้เองแหละว่าเก่งจริงมั้ย” ต้นบอก “ไหนขอดูเอกสารมั่งซิ”
ต้นหยิบไปพิจารณาสักพักก็ได้รับข้อความจากโปรแกรมที่ใช้สื่อสารภายในบริษัทที่มีชื่อว่าแลนทอล์ก ให้ลงไปที่ห้องประชุมเล็กเพื่อสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่
“คนนี้มาตรงเวลาดีนะ” โน้ตบอก
“ส่วนใหญ่เวลาสัมภาษณ์งานนี่ตรงเวลากันดีนะ แต่พอได้งานล่ะก็ไม่อยากจะตื่นมาทำงานกันเลย ฮะๆๆ” ต้นว่า
“พี่ต้นจะเตะตัดขาพนักงานใหม่ทำไมเนี่ย”
ณ ห้องประชุมเล็ก คนที่สมัครมาใหม่นั่งรออยู่ในห้องอยู่แล้วเมื่อทั้งสองฝ่ายนั่งประจันหน้ากัน ต้นก็เริ่มสังเกตพนักงานใหม่อย่างละเอียด
ผู้หญิงที่มาสมัครไว้ทรงผมยาวสยายไม่มัดผม ผมหยักศกเป็นสีน้ำตาลอ่อนจากการย้อม คิ้วเข้มรับกับใบหน้า ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเฉียบได้รูป จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งท่าทางดูตื่นเต้นชวนให้คิดว่า น่าจะเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ เลยยังไม่มีประสบการณ์การสัมภาษณ์งานมาก่อน
“ทำไมคุณถึงสนใจมาสมัครงานที่สำนักพิมพ์ของเราครับ” ต้นถามคำถามเบสิกไปยังผู้สมัคร
“ก็ชอบอ่านหนังสือน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบคำถามอย่างระมัดระวัง
“แล้วเคยอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์เราเรื่องไหนมั่งครับ” ต้นถามต่อ
“เอ่อ… คือไม่เคยอ่านของสำนักพิมพ์นี้ค่ะ แต่เคยอ่านของสำนักพิมพ์อื่น” หญิงสาวเริ่มเลิ่กลั่กขึ้นมา
“เคยอ่านแบบที่เป็นหนังสือการ์ตูนมาก่อนมั้ยครับ” ต้นยิงคำถามต่อไป
“ปกติ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือการ์ตูนน่ะค่ะ แต่คิดว่าสามารถเรียนรู้ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบแกมพยายามกู้ภาพพจน์ที่ตนเป็นคนไม่อ่านหนังสือการ์ตูน
“หนังสือที่ชอบอ่านมีเรื่องอะไรบ้างครับ”
“ก็แฮร์รี่พอตเตอร์ค่ะ พวกวรรณกรรมเยาวชน” หญิงสาวพยายามตอบคำถามอย่างระวังมากขึ้น
“แฮร์รี่นี่ชอบเล่มไหนที่สุดครับ”
“เอ่อ… เล่ม 10 ค่ะ”
ต้นได้ฟังดังนั้นก็สบตามองกับโน้ตทันที โน้ตเองก็เริ่มยิงคำถามมั่ง
“แล้วหนังแฮร์รี่ที่ชอบดู ชอบดูภาคไหนครับ”
“ชอบภาค 7 ค่ะ” หญิงสาวเริ่มนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรผิดไปเมื่อกี้ตอนตอบคำถาม แต่ก็เอาคืนมาไม่ได้แล้ว
“เอ่อ เมื่อกี้ที่ตอบว่าเล่ม 10 นี่จำผิดค่ะ เผอิญว่าชอบนับพวกที่เป็นเล่มแยกว่าเป็นซีรีส์แฮร์รี่ด้วย ขอโทษด้วยค่ะ”
“โอเค แล้วงานอดิเรกนอกจากอ่านหนังสือ ชอบทำอะไรครับ” โน้ตถามต่อไป
“ดูหนังค่ะ”
“ชอบดูหนังแนวไหนครับ”
“พวกเชอร์ล็อกโฮมส์ สืบสวนสอบสวนอะไรพวกนี้น่ะค่ะ”
“ผมก็ชอบเหมือนกัน”
ชายหนุ่มทั้งสองคนสัมภาษณ์งานต่อไป โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะให้ผู้สมัครทำแบบทดสอบ
“งั้นเดี๋ยวลองทำแบบทดสอบปรู๊ฟอันนี้นะครับ มีเวลาให้ 1 ชั่วโมง มีอะไรอยากถามอีกมั้ยครับ” ต้นยื่นเอกสารที่เตรียมมาสำหรับทำเอกสารสัมภาษณ์งานประกอบการพิจารณา
“เวลาทำงานเป็นจันทร์ – ศุกร์หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามเรื่องที่อยากรู้
“ครับ แต่ถ้างานยุ่งก็อาจจะมีทำวันเสาร์เพิ่มขึ้นมาเป็นโอทีด้วย เวลาเข้างานเป็น 10 โมงถึง 1 ทุ่มโดยปกติ” ต้นตอบ “มีอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยครับ”
“เอ่อ… เงินเดือนสตาร์ตที่เท่าไหร่เหรอคะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาด้วยลังเลว่าควรถามหรือไม่
“ก็หมื่นห้าตามวุฒิปริญญาตรีปกติอะนะ” ต้นตอบ
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณมาก”
“โอเค เดี๋ยวทำในห้องนี้แล้วพอเสร็จไปยื่นที่ห้องกระจกที่เดินผ่านมาเมื่อกี้นะ ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงแต่ถ้าทำเสร็จก่อนก็กลับได้แล้วผลการสัมภาษณ์จะแจ้งทางเมล์นะครับ”
หญิงสาวก้มหน้าพนมมือไหว้ลาทั้งคู่ก่อนจะนั่งทำแบบทดสอบต่อไป
“ตลกเนอะ เมื่อกี้ถามว่าชอบหนังสือแฮร์รี่เล่มไหน ดันบอกเล่ม 10” โน้ตยังอดขำไม่ได้
“พี่ว่าจริงๆ เขาไม่น่าจะชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่หรอก แต่มาสมัครสำนักพิมพ์ก็คงต้องบอกไปว่าชอบไว้ก่อน”
“แต่รสนิยมดูหนังดีนะ ชอบเชอร์ล็อกเหมือนผมด้วย”
“อื้อ เดี๋ยวค่อยมาตัดสินจากแบบทดสอบที่เค้าทำละกัน แต่พี่ว่าเค้าไม่น่าเหมาะกับบริษัทเรา” ต้นว่า “ถึงไม่อ่านการ์ตูนก็ต้องชอบอ่านหนังสือบ้าง”
“คนสมัครงานชอบคิดว่างานปรู๊ฟเป็นงานที่ง่าย ใครก็ๆ ก็ทำได้ ซึ่งถ้าเป็นคนที่ภาษาไทยดีอยู่แล้ว มันก็ไม่ยากอะนะ” ต้นร่ายยาว “เดี๋ยวรอบบ่ายมีมาอีกตอนบ่าย 2 โน้ตเข้ามาสัมภาษณ์พร้อมพี่ด้วยละกัน”
“โอเคครับ พอถึงเวลาพี่ต้นมาเรียกผมละกัน” โน้ตบอกก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่าย 2 ต้นได้รับข้อความจาก HR ว่าผู้สมัครพนักงานคนที่ 2 มาถึงแล้วต้นจึงหันไปเรียกโน้ต
“โน้ตๆ เตรียมสัมภาษณ์ด้วย” ต้นเรียกโน้ตที่กำลังตรวจปรู๊ฟไลต์โนเวลหรือที่รู้จักกันว่าเป็นนิยายของญี่ปุ่นเล่มบางๆขนาดเล็กเหมาะสำหรับอ่านเวลาเดินทาง เนื้อหาไม่ซีเรียสมากอยู่
“โหย เรื่องกำลังสนุกเลยพี่บอกเค้าว่ารอผมอ่านจบก่อนได้มั้ย” โน้ตเล่นมุก ก่อนจะค่อยหยิบสมุดบันทึกเตรียมสำหรับสัมภาษณ์งาน
“ไหนๆ ขอดูประวัติหน่อยซิ” โน้ตหยิบใบสมัครและเรซูเม่ของผู้สมัครขึ้นมา
“โห จบวิด – คอมมาด้วย คณะเดียวกับพี่ต้นเลยอะเกรดภาษาไทยก็ดีนะเนี่ย อ๊ะ แต่เกรดวิชาคอมห่วยแตกมากเลย” โน้ตอุทาน
“น่าจะเป็นแนวพี่มั้งเนี่ยไม่ได้ชอบเลขแต่ก็จับพลัดจับผลูมาอยู่คณะวิด – คอมล่ะมั้ง” ต้นขอดูเอกสารมั่ง “วิชาเลขกับฟิสิกส์ก็ติด E ด้วย”
“ยังดีที่เกรดพี่ไม่ถึงขั้นนี้นะเนี่ย” ต้นหัวเราะ
“ต้น 2 แน่นอน ถ้าคนนี้เข้ามาได้นะ” โน้ตก็หัวเราะไปพร้อมกัน
“มา ไปกันได้แล้ว” ต้นเดินไปเปิดประตูเตรียมไปห้องประชุมเล็ก
เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุมเล็กต้นก็สังเกตผู้สมัครทันทีแล้วก็พบว่าผู้ที่มาสมัครเป็นพนักงานใหม่คนนี้ ใส่เสื้อสีชมพูที่มีรอยคราบดูเหมือนจะเป็นชาหรือกาแฟหกใส่เสื้อตัวนี้เป็นรอยขนาดใหญ่อยู่ ใบหน้าส่อแววหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนน่าจะกังวลอะไรบางอย่างหรืออาจจะกังวลเรื่องรอยเปื้อนที่สังเกตได้ชัดอยู่ ใบหน้าจัดว่าเป็นคนหล่อคมคายทีเดียว ท่าทางประหม่าดูๆ ไปก็น่ารักดี ต้นแอบหลุดยิ้มออกมาไม่ได้
ตรงสเป็กเราพอดีเลยนะเนี่ย…
ต้นซ่อนความพึงใจเอาไว้ในส่วนลึกจะเลือกผู้สมัครเป็นพนักงานเข้ามาใหม่เพราะว่าหน้าตาตรงสเป็กคงไม่ดี พอนั่งเก้าอี้ต้นก็ยิงคำถามเหมือนที่เคยถามประจำเวลาคนมาสมัครงานใหม่
“ทำไมคุณถึงสนใจมาสมัครงานที่สำนักพิมพ์ของเราครับ”
“ก็ชอบอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์นี้ครับแต่ปกติก็จะอ่านเรื่อยๆ ของสำนักพิมพ์อื่นด้วยเหมือนกันแล้วก็รู้สึกว่าที่นี่ เวลาอ่านไปไม่ค่อยเจอคำผิดเลยครับก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้อยากมาเข้าที่นี่” ผู้สมัครร่ายยาว ดูเหมือนจะเป็นการเตรียมตัวเตรียมคำตอบมาอย่างดีแล้ว
“ชอบหนังสือของสำนักพิมพ์เราเรื่องอะไรครับ” ต้นยิงคำถามไปอีก
“ชอบเรื่อง เรื่องสะเทือนขวัญของโนบิตะ กับ การผจญภัยครั้งใหม่ของเจได ครับ” ผู้สมัครใหม่ตอบรับอย่างมั่นใจ
“แล้วคุณ…ชัยพฤกษ์ ชอบหนังสือคนละแนวกันเลยนะเนี่ย”
“จริงๆ แล้วชอบอ่านทุกแนวน่ะครับ ขอให้เป็นการ์ตูนก็อ่านได้หมด” ชัยพฤกษ์ตอบ
“แล้วอ่านพวกไลต์โนเวลมั่งหรือเปล่า” โน้ตลองยิงคำถามดูมั่ง
“อ่านเป็นบางเรื่องอะครับพอดีหนังสือนิยายแต่ละเล่มเดี๋ยวนี้ราคาแพงเลยต้องเลือกเรื่องหน่อยส่วนใหญ่ก็จะอ่านพวกที่เคยทำการ์ตูนแล้วทำสปิน-ออฟออกมาเป็นนิยายอะไรพวกนั้นน่ะครับ” ดูเหมือนชัยพฤกษ์จะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแล้ว
“แล้วสาเหตุที่บ.เราน่าจะรับคุณ คุณคิดว่าคืออะไรครับ” ต้นยิงคำถามที่ค่อนข้างตอบยากไป
“ผมคิดว่าผมมีคุณสมบัติเหมาะกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายน่ะครับ แล้วก็สามารถเรียนรู้ได้” ผู้สมัครงานใหม่ยังไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆ
“แล้วคุณคิดยังไงกับการ์ตูนญี่ปุ่น”
ชัยพฤกษ์เงียบไปชั่วครู่กับคำถามที่ไม่ได้เตรียมตัวมาอยู่ๆ โดนถามแบบนี้ก็ต้องใช้เวลาคิดนิดหน่อยถ้าที่นี่คือสำนักพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่นก็ควรออกความเห็นเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นในทางที่ดีสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้นชัยพฤกษ์ก็ตอบกลับไป
“คิดว่าการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นวัฒนธรรมที่สุดยอดครับ มีการ์ตูนหลากหลายแนวทั้งที่ให้สาระและบันเทิงไปพร้อมกันส่วนใหญ่ก็ย่อยมาให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายด้วยเพียงแต่ควรระมัดระวังเรื่องการจัดเรตครับเพราะการ์ตูนญี่ปุ่นแต่ละหัวนิตยสารที่ลงก็จะเหมาะกับผู้อ่านแต่ละวัยไม่เหมือนกันแต่พอมาเข้าไทยมีการจัดเรตคนละแบบกับญี่ปุ่นอีกทั้งในอินเตอร์เน็ตบางทีก็มีพวกแสกนเถื่อนทำให้เข้าถึงผู้เยาว์ได้ง่ายเพราะฉะนั้นควรอยู่ในความควบคุมครับ” ชัยพฤกษ์สาธยายเท่าที่ตัวเองจะนึกออก ไม่แน่ใจว่าเป็นคำตอบที่ดีมั้ยเหมือนกัน
ต้นรู้สึกพึงพอใจกับคำตอบของชัยพฤกษ์ จึงถามคำถามอื่นๆ เพื่อให้เป็นการผ่อนคลายมากขึ้น
“แล้วคุณคิดยังไงกับการ์ตูนวายครับ”
“ไม่เคยอ่านครับ แต่ถ้าต้องทำงานก็คิดว่าสามารถทำได้” ชัยพฤกษ์ตอบกลับไป
ต้นรู้สึกชั่งใจกับคำตอบนี้อยู่ดูเหมือนถ้าไม่เคยอ่านการ์ตูนวายมาก่อน ก็ดูมีแนวโน้มที่จะมีรสนิยมเป็นสเตรท(ชายรักหญิง) มากทีเดียว
อกหักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าอีกแล้ว…
ต้นแอบเก็บความช้ำใจไว้ในอกแต่ก็คิดว่าเพื่องานแล้วก็ไม่ควรเอาอารมณ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
“แล้วถ้าเกิดว่าได้งานพร้อมจะเริ่มงานวันไหนครับ”
“พรุ่งนี้ก็ได้เลยนะครับ ถ้าได้งานที่นี่ ฮะๆๆ” ชัยพฤกษ์ยิ้มร่าทำเอาใจต้นบางไปแป๊บหนึ่ง
“โอเค งั้นเดี๋ยวลองทำแบบทดสอบปรู๊ฟอันนี้นะครับมีเวลาให้ 1 ชั่วโมง มีอะไรอยากถามอีกมั้ยครับ” ต้นยื่นเอกสารที่เตรียมมาสำหรับทำเอกสารสัมภาษณ์งานประกอบการพิจารณาให้กับผู้สมัคร
“ไม่มีครับ”
เอ๊า… ไม่นึกจะบอกว่าไม่มีนะเนี่ย เดี๋ยวคนนี้พอออกจากห้องสัมภาษณ์ไป ต้องเสียใจแน่ๆที่ไม่ถามเรื่องเงินเดือนไว้
ต้นแอบนึกเสียดายแทนที่ชัยพฤกษ์ไม่สอบถามอะไรเพราะตนที่มาเป็นฝ่ายสัมภาษณ์ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องการถามเงินเดือนเลยแท้ๆ ผู้สมัครงานใหม่หลายๆ คนไม่ค่อยกล้าที่จะถามเรื่องเงินเดือนเพราะกลัวภาพพจน์จะไม่ดีอีกทั้งบางแห่งก็ไม่ควรถามเงินเดือนจริงๆ แต่สำหรับตนแล้วนี่ควรเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ควรให้ผู้สมัครไว้เพื่อจะได้ตัดสินใจที่จะทำงานอยู่ด้วยกันยาวๆ
“โอเค เดี๋ยวทำในห้องนี้แล้วพอเสร็จไปยื่นที่ห้องกระจกที่เดินผ่านมาเมื่อกี้นะ ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงแต่ถ้าทำเสร็จก่อนก็กลับได้แล้วผลการสัมภาษณ์จะแจ้งทางเมล์นะครับ”
ต้นกับโน้ตเดินออกจากห้องประชุมเล็กกลับไปที่แผนกของตน
“คนนี้ตอบสัมภาษณ์โอเคเลยนะพี่ต้น บางคำถามนี่แบบ…เป็นผม ผมนึกไม่ทันจริงๆ อะ” โน้ตสารภาพ
“พี่เอามาจากสมัยพี่โดนสัมภาษณ์งานน่ะ เจอบอกว่าคิดยังไงกับการ์ตูนญี่ปุ่นก็อึ้งๆ ไปเหมือนกันแต่มาถามตอนนี้ก็จำไม่ได้แล้วนะว่าตอบไปว่าอะไร”
“เดี๋ยวถ้า HR เอาแบบทดสอบที่สองคนที่มาวันนี้มาให้ โน้ตก็ตรวจเลยละกัน”
“อะเครครับ พี่” โน้ตรับคำ
พอถึงเวลา 4 โมงเย็น HR ก็หยิบเอาแบบทดสอบของทั้งสองคนวันนี้มาให้ต้นที่แผนกพิสูจน์อักษร ต้นบอกขอบใจแล้วก็เอามาอ่าน
“ไม่ไหวนะ คนนี้” ต้นบอกหลังจากปรายตาดูคร่าวๆ
“ไหนๆ พี่ขอดูด้วย” โน้ตรับแบบทดสอบมาดูบ้างแล้วก็ต้องร้องอุทานออกมาเช่นกัน “โอ้โห นะค่ะ = ประหารจริงด้วยพี่”
“อันที่สะกดถูกอยู่แล้วก็ไปแก้ให้มันผิด อันที่ผิดก็ปล่อยไป แถมไม่ยอมแก้คำว่านะค่ะอีก” ต้นโวยวาย
“อันนี้ของผู้หญิงรอบเช้าสินะ” โน้ตพลิกดูชื่อที่เขียนไว้ที่หัวกระดาษ “ไหนดูของผู้ชายที่มารอบบ่ายซิ”
พอโน้ตได้พิจารณาแบบทดสอบของผู้ชายที่มารอบบ่ายก็พบว่าทำแบบทดสอบนี่ได้คะแนนดีทีเดียวสามารถดักจับคำผิดได้ทั้งหมด ทำให้โน้ตพอใจมาก
“ไหนคนผู้หญิงบอกว่าจบอักษรศาสตร์ไง ทำไมมาผิดตรงนะค่ะได้นะ ผิดหวังนะเนี่ย” โน้ตบ่นกระปอดกระแปดไม่เลิก “แต่ของผู้ชายที่ชื่อชัยพฤกษ์นี่ใช้ได้เลยนะ”
“ก็เก็บไว้ในลิสต์พิจารณาละกัน เอ้าเอาใส่แฟ้มหน่อย” ต้นบอกโน้ตให้เก็บเอกสารไว้ในแฟ้มคู่กับใบสมัครงานและเรซูเม่
“เราหมดเขตรับสมัครเมื่อไหร่อะครับ” โน้ตถาม
“น่าจะวันพุธหน้านะ เดี๋ยวค่อยเอามาพิจารณาอีกทีวันนั้นละกัน” ต้นตอบไป
“ขอให้มีคนที่ภาษาไทยดีๆ มาสมัครกันเยอะๆ เหอะ ไม่เอานะค่ะแล้ว” โน้ตภาวนา
หลังจากที่นัดสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่อีก 3-4 คน เวลาก็ผ่านไปถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกพนักงานใหม่จากบรรดาคนที่สมัครมาทั้งหมด
“พี่ว่า คนที่ชื่อชัยพฤกษ์ก็ดูโอเคสุดแล้ว” ต้นบอกความเห็นที่มีต่อชัยพฤกษ์
“จริงครับ ภาษาไทยถูกต้องเซนส์ดีให้สามผ่านเลย” โน้ตขานรับ
“คนอื่นก็สู้ไม่ได้เลย ไม่ นะค่ะ ก็มาเติม ที่,จะ,ซึ่ง,แล้ว,เป็น กับประโยคที่มันไม่จำเป็นต้องมีก็ได้” ต้นถามความเห็นโน้ตอีกทีว่าจะรับคนชื่อชัยพฤกษ์เข้ามาทำงานดีมั้ย
“พี่ว่า ชัยพฤกษ์โอเคนะเดี๋ยวจะได้บอกให้ HR ให้ติดต่อผู้สมัครทุกคนกลับไปทางเมล์แล้วก็โทรศัพท์”
“พี่เตือนชัยพฤกษ์หน่อยก็ได้นะครับว่าให้หนีปายยยย ฮะๆๆ” โน้ตเล่นมุก
“HR บอกมาแล้วว่า ชัยพฤกษ์พร้อมเริ่มงานวันพฤหัสนี้เลยเดี๋ยวโน้ตเตรียมโต๊ะว่างๆ ให้ชัยพฤกษ์เค้าหน่อยนะ” ต้นสั่งงานโน้ตเรื่องเตรียมโต๊ะให้สมาชิกใหม่
“โอเค ก็ให้เค้านั่งริมหน้าต่างนี้ละกัน ดีมั้ยพี่” โน้ตจัดการตามที่ต้นสั่งพลางถามความเห็นไปด้วย
“ดีๆ เอาแบบนี้แหละ งั้นวันศุกร์ค่อยไปกินเลี้ยงรับน้องใหม่ละกันนะ” ต้นบอกให้สมาชิกแผนกพิสูจน์อักษรเตรียมตัวไปกินเลี้ยงกัน น้องยู พนักงานแผนกพิสูจน์อักษรอีกคนหนึ่งในห้องนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“เห็นโน้ตบอกว่าหล่อมากเลยเหรอคะแบบนี้มาจับคู่กับพี่โน้ตได้เลยสินะ” น้องยูเริ่มเพ้อถึงคู่จิ้นใหม่ประจำแผนก
“หยุดเลยนะ ยู หยุดแต่งฟิคจิ้นพี่เดี๋ยวนี้ พี่ต้นช่วยปกป้องผมหน่อยสิครับ” โน้ตเริ่มหาพวก “แต่พี่ว่าจิ้นคนใหม่กับพี่ต้นน่าจะดีกว่านะ”
“นั่นสิ จับคู่กินกับใครถึงจะอร่อยนะ ฮุๆๆ” ยูเผยธาตุแท้ความเป็นสาววายออกมา
“ถ้าจิ้นกับพี่ต้น เดี๋ยวพี่ซื้อนิยายวายเล่มใหม่ให้ยูเลย ปล่อยพี่ไปเถอะ” โน้ตพยายามหาวิธีไม่ให้ตัวเองโดนจิ้นด้วยการยอมเข้าเป็นพวกแทน
“แบบนี้ ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ แล้วสิ” ยูตั้งหน้าตั้งตารอพนักงานใหม่ ที่เป็นวัตถุดิบในการจิ้นของตัวเองต่อไป
“แต่เหนือสิ่งอื่นใดงานจะได้ไม่โหลดเหมือนช่วง 2-3 เดือนก่อนเพราะมีคนลาออกกะทันหันแบบนี้อีกแล้ว เย้”
To be continued.